วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2559

ประโยชน์เปลือกส้ม





มีดีต่อสุขภาพหลายอย่างมาก จนเราอยากบอกต่อ และสำหรับคนที่ทิ้งเปลือกส้มทุกครั้ง รู้ไว้เลยว่าเหมือนทิ้งยารักษาโรคดี ๆ ไปนี่เอง

          ส้มเป็นผลไม้ที่หากินได้แทบทุกฤดู แถมยังเป็นผลไม้รสชาติหวาน หอม นำมาทำเมนูเครื่องดื่ม ขนมหวาน หรือจะกินเป็นผลไม้ให้ความสดชื่นก็ได้ แต่เชื่อไหมคะว่ามีสิ่งหนึ่งที่หลายคนทำพลาดกับการกินส้มมานับครั้งไม่ถ้วน นั่นคือการกินแต่เนื้อส้ม ส่วนเปลือกส้มก็ทิ้งไปไม่ใยดี สงสัยคุณจะไม่รู้ล่ะสิว่าเปลือกส้มมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขนาดนี้แน่ะ
มาดูโภชนาการในเปลือกส้มกันก่อน

          
ประโยชน์ของผลส้ม เราน่าจะพอรู้กันอยู่ว่าส้มมีวิตามินซีสูง แต่ในส่วนของเปลือกส้มมีใครรู้บ้างว่าเปลือกส้มก็มีวิตามินซีสูงกว่าผลส้มเกือบ 2 เท่า แถมยังมีแคลเซียมอยู่ประมาณ 1.5 กรัม เลยทีเดียว 

          อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมแร่ธาตุต่าง ๆ ทั้งโพแทสเซียม แมกนีเซียม วิตามินบี 2 วิตามินเอ ที่สำคัญในเปลือกส้มปริมาณ 100 กรัมยังมีแคลเซียมสูงถึง 161 มิลลิกรัม ซึ่งนับว่ามากกว่าเนื้อส้มในปริมาณเท่า ๆ กันที่มีแคลเซียมอยู่ประมาณ 40 มิลลิกรัมเท่่านั้น

          นอกจากนี้เปลือกส้มยังมีสีสันสดใส ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องมีเบต้าแคโรทีนแฝงอยู่ในเปลือกสีส้ม ๆ อย่างจัดเต็มเลยทีเดียว 

          เอาล่ะ...คราวนี้มาดูประโยชน์ของเปลือกส้มกับสุขภาพกันบ้าง โดยเปลือกส้มมีคุณประโยชน์ดี ๆ กับร่างกายเราถึงขนาดนี้เลยนะ
1. บำรุงสุขภาพฟันและกระดูก

          จากผลการศึกษาของ Purdue University พบว่า ในเปลือกส้มประมาณ 100 กรัมจะมีปริมาณแคลเซียมสูงถึง 161 มิลลิกรัม ซึ่งมีแนวโน้มจะช่วยบำรุงกระดูกและฟันของเราได้สบาย ๆ 

2. คลายเครียด

          กลิ่นส้มเป็นกลิ่นซิตรัสที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องของการช่วยผ่อนคลายระบบประสาทของร่างกายได้ โดยแค่นำเปลือกส้มมาคั้นให้น้ำมันหอมระเหยในเปลือกส้มไหลออกมา จากนั้นจะนำมาสูดดมเติมความสดชื่น หรือนำมานวดแก้ปวดเมื่อยตามร่างกายก็แล้วแต่สะดวก
 3. แก้นอนไม่หลับ

          กลิ่นซิตรัสจากน้ำมันหอมระเหยในเปลือกส้มมีผลต่อการทำงานของระบบประสาทและสมอง ซึ่งจะมีฤทธิ์คล้ายกับยากล่อมประสาท ช่วยให้สมองรู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับได้ง่ายดายยิ่งขึ้น




การดื่มน้ำมะพร้าวกับหญิงตั้งครรภ์

ดื่มน้ำมะพร้าวขณะตั้งครรภ์

ในทางการแพทย์ ไม่มีข้อจำกัดหรือข้อห้ามใดๆ ในการ ดื่มน้ำมะพร้าวขณะตั้งครรภ์  การดื่มน้ำมะพร้าวของคุณแม่ตั้งครรภ์ เป็นเรื่องที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ปลูกฝังจนกลายเป็นความเชื่อต่อๆกันมาว่า  น้ำมะพร้าวทำให้ลูกมีไขน้อย น้อมะพร้าวช่วยให้ลูกผิวสวยขาวสะอาดสะอ้าน บ้างก็ว่าห้ามดื่มขณะตั้งครรภ์อ่อนๆเพราะจะทำให้แท้งบุตรได้  ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลแล้วนั้น มีทั้งใช่และไม่ใช่เมื่อศึกษาทางวิทยาศาสตร์ วันนี้ คุณแม่ตั้งครรภ์มาทำความรู้จักและทำความเข้าใจให้ถูกต้องเกี่ยวกับ น้ำมะพร้าวกันค่ะ 
ส่วนประกอบของน้ำมะพร้าว
ในน้ำมะพร้าว มีน้ำเป็นองคืประกอบ 90 % และมีแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงร่างกาย มากมาย ได้แก่acin, pantothenic acid, biotin, riboflavin, folic acid ,thiamin pyridoxine และยังมีเกลือแร่ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญเช่น sodium, potassium, calcium, magnesium, iron, copper, phosphorus, น้ำมะพร้าวจัดเป็นน้ำสะอาดไม่มีการปนเปื้อน เนื่องจากธรรมชาติได้สรรสร้างให้น้ำมะพร้าวถูกห้อหุ้มด้วยกะลาของมะพร้าว อย่างแน่นหนา
ดื่มน้ำมะพร้าวขณะตั้งครรภ์ ทำให้แท้งบุตรจริงหรือ

ความเชื่อที่ว่าน่าจะมากเหตุผลที่ว่า ในน้ำมะพร้าวมี ฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นส่วนผสม และเอสโตรเจนมีผลต่อการหดตัวของมดลูก  จึงทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ทั้งหลาย วิตก กังวล และกลัวการแท้งบุตร แต่ความเป็นจริง ในทางวิทยาศาสตร์ และทางการแพทย์ พบว่า ในน้ำมะพร้าวมีฮอร์โมนเอสโตรเจนจริงแต่แค่ส่วนน้อย และน้อยมาก ไม่เกี่ยวกับการหดตัวของมดลูก ขณะตั้งครรภ์ฮอร์โมน estrogen และ progesterone ในร่างกายคุณแม่จะสูงมากๆอยู่แล้ว ในน้ำมะพร้าวมีแค่นิดเดียว จึงไม่มีผลต่อการบีบตัวของมดลูก ในรายที่ดื่มแล้วแท้ง เกิดจากความบังเอิญที่จะแท้งบุตรอยู่แล้ว น้ำมะพร้าวไม่ได้เป็นตัวทำให้แท้งบุตรแต่อย่างใด  คำแนะนำในการดื่ม ควรดื่มน้ำมะพร้าวในช่วงอายุครรภ์ ที่คุณแม่สบายใจดีที่สุดค่ะ
ความเชื่อที่ว่า ดื่มน้ำมะพร้าวขณะตั้งครรภ์  ทำให้ลูกในท้องตัวสะอาดจริงเท็จแค่ไหน
จากการสอบถาม นพ.อนันต์ โลหะพัฒนะบํารุง กุมารแพทย์ คุณหมอได้ให้ความเห็นในเรื่องน้ำมะพร้าวว่า ในน้ำมะพร้าวมีกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นไขมันไม่อิ่มตัว ไขมันอิ่มตัวก็มี มีทั้งสองอย่าง ซึ่งเป็นข้อดี เพราะคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ดื่มน้ำมะพร้าว จะทําให้การสร้างไขตัวเด็กได้สีค่อนข้างขาว เลยอาจจะดูว่าเด็กออกมาตัวสะอาด คงไม่ใช่ออกมาแล้วเด็กไม่มีไขจริงๆ แล้วไขตัวเด็กนี้มีประโยชน์มาก เพราะจะทําให้เด็กคลอดง่าย ฉะนั้นคุณแม่ที่ดื่มน้ำมะพร้าวบ่อยๆ อาจจะทําให้ไขตัวเด็กมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพียงแต่สีจะสะอาด ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอะไรเนื่องจากเป็นธรรมชาติที่เด็กต้องมีไขมันห่อหุ้มตัว เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงจากอุณหภูมิจากภายนอกด้วย
โดยสรุปแล้วคุณประโยชน์ของการ ดื่มน้ำมะพร้าวขณะตั้งครรภ์
1.       น้ำมะพร้าวช่วยคงสมดุลย์ของสารน้ำและอิโทรลัยด์ของคุณแม่ตั้งครรภ์ เนื่องจาก มีปริมาณคลอไรด์ โพแทสเซี่ยม แมกนีเซี่ยม สูง
2.       น้ำมะพร้าวมี โซเดียม โพแทสเซี่ยมช่วยควบคุมความดันโลหิต และการทำงานของหัวในคุณแม่ตั้งครรภ์ให้เป้นปกติ
3.       น้ำมะพร้าวมีแมงกานีส ช่วย บำรุงโลหิตและเสริมสร้างกระดูกให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง
4.       ดื่มน้ำมะพร้าวขณะตั้งครรภ์  ช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์ มีผิวพรรณสดใสเนื่องจากมีวิตามินซี
5.       น้ำมะพร้าวช่วยลดอาการอ่อนเพลียได้ดี สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และบคคลทั่วไป
6.       น้ำมะพร้าวน้ำมะพร้าวอุดมไปด้วยกรดลอริคก็สามารถมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียไวรัสและเชื้อรา คุณสมบัติดังกล่าวอย่างมากสามารถช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของแม่และทารกในครรภ์เจริญเติบโตและช่วยป้องกันการติดเชื้อของโรคไข้หวัดใหญ่เอชไอวีโรคเริม
7.       น้ำมะพร้าวมีสิทธิภาพสูงในการทำความสะอาดลำไส้และลดและป้องกันอาการท้องผูกในคุณแม่ตั้งครรภ์ได้เป้นอย่างดี
8.       น้ำมะพร้าวสามารถช่วยเพิ่มการไหลและความถี่ของการปัสสาวะ ดังนั้นประโยชน์ของน้ำมะพร้าวในการล้างสารพิษออกจากร่างกายได้ง่ายดังนั้นการป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
9.       น้ำมะพร้าวส่งเสริมการย่อยอาหารของคุรแม่ตั้งครรภ์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
10.   ดื่มน้ำมะพร้าวขณะตั้งครรภ์ ช่วยควบคุมน้ำหนักในคุณแม่ตั้วงครรภ์  น้ำมะพร้าวหนึ่งแก้วนี้มี 46 แคลอรี่เท่านั้น ส่วนประกอบหลักเป็นน้ำ 95%
น้ำมะพร้าวมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากสามารถนำมาใช้เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ เช่น การลดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ และยังเติมเต็มเกลือแร่และเพิ่มภูมิคุ้มกันซึ่งจะช่วยให้ทารกและมารดามีสุขภาพดีดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์ตั้งครรภ์สบายใจได้ว่า น้ำมะพร้าวนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดโทษหรือส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์แต่อย่างใด   ส่วนจะเริ่มดื่มเมื่อไหร่นั้นแล้วแต่คุณแม่เห็นสมควรค่ะ



พัฒนาการของเด็ก

พัฒนาการของลูกรักวัย 4 เดือน 

คือพัฒนาการด้านการพลิกคว่ำ หงาย และเมื่อ เดือนขึ้นไปลูกรักก็จะเริ่มกระดึ๊บ กระดึ๊บ และเมื่อ 6 เดือนขึ้นไปก็จะคืบคลานได้ อาจช้าบ้างเร็วบ้างแตกต่างกันออกไป เพื่อเป็นการกระตุ้นพัฒนาการให้เป็นไปตามวัย คุณแม่ควรจัดบ้านให้โล่ง สะอาด ไร้สิ่งกีดขวางให้ลูกสามารถคืบคลานได้อย่างอิสระ ในขณะเดียวกันพื้นผิวที่ลูกสัมผัสก็ต้องสะอาดอมากที่สุดด้วย เพราะจากการสำรวจพบว่าลูกวัยคลานมักมีปัญหาการเจ็บป่วยติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารและอุบัติเหตุบ่อยครั้งจากความซนและอยากเรียนรู้ตามวัย วันนี้เรามารู้จักภัยเงียบที่มากับลูกวัยคลานกันค่ะ

พื้นผิวในบ้านมีเชื้อโรคสระสมอยู่มากมาย ทั้งเชื้อรา ไวรัส และเชื้อแบคทีเรีย มือน้อยๆของลูกที่สัมผัสกับพื้นผิวขณะคืบคลาน อีกทั้งวัยนี้ยังชอบอมมือ เล่นน้ำลาย หยิบจับของหล่นพื้นเข้าปากอยู่บ่อยๆ ทำให้สถิติของเด็กวัยคลานเป็นโรค ติดเชื้อแบคทีเรียซาลโมเนลลา ( Salmonella ) ในระบบทางเดินอาหารรุนแรง หรือที่คุณแม่รู้จักกันดีคือโรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ สูงกว่าวัยอื่นๆ และในเด็กมีอัตราการเสียชีวิตสูงด้วย เมื่อลูกได้รับเชื้อจะมีอาการอาการที่พบได้คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องร่วง เป็นไข้ ระยะเวลาที่เป็นอาจเป็นนาน 1 – 8 วัน เพราะฉะนั้นคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับเรื่องความสะอาดของพื้นผิวที่ลูกน้อยมีโอกาสสัมผัสในทุกๆวันให้มาก และล้างมือลูกน้อยให้สะอาดอยู่เสมอ

นิทานอ่านเล่น

นิทานเรื่องลูกหมูสามตัว 



                    ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว มีแม่หมู กับลูกหมูพี่น้อง 3 ตัว อาศัยอยู่ในที่แห่งหนึ่ง... ลูกหมูตัวโตสุดซึ่งเป็นพี่ใหญ่นั้น เป็นหมูที่ออกที่จะเกียจคร้านเป็นอย่างมาก แล้วก็มักที่จะชอบไปแอบหาที่หลบหลับนอนอยู่ตลอดเวลา ลูกหมูตัวที่สองซึ่งเป็นน้องหมูตัวกลางก็เป็น หมูที่ตะกละเป็นที่สุด จะไม่ชอบทำงาน แม้เวลาทำงานก็จะหาเรื่องพักแล้วกินอาหาร ที่แอบพกเอาติดตัวมาด้วยอยู่เสมอ ๆ แต่ว่าลูกหมูตัวที่สามนั้น เป็นหมูที่ขยันขันแข็ง และชอบทำงาน เป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่า น้องหมูตัวสุดท้องจะเป็นหมูที่ขยันขันแข็งทำงานเป็นอย่างมากอย่างไรก็ตามที...

แต่อาหารที่หามาได้นั้นก็ต้องหมดลงไปอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ด้วยเป็นเพราะว่า ที่บ้านของเขานั้นมีหมูที่ขี้เกียจกับหมูที่ชอบกินอยู่ตั้งสองตัวนั่นเอง วันหนึ่ง แม่หมูได้พูดขึ้นว่า " ตอนนี้พวกเธอก็โตกันขึ้นมามากแล้ว ถึงเวลา ที่จะต้องแยกย้ายกันออกไปสร้างบ้านเป็นของตัวเองอยู่ที่ข้างนอก..." น้องหมูตัวสุดท้องเมื่อได้ฟังแม่หมูพูดว่าอย่างนั้น ก็ให้เป็นเกิดมีความปิติยินดีขึ้นมาอย่างมาก " เราจะสร้างบ้านของเราแบบไหน แล้วเอาอะไรมาสร้างเป็นบ้านดีนะ??"  พี่หมูตัวโตตัวขี้เกียจ เมื่อได้ยินแม่หมูพูดมาว่าเช่นนั้นก็พูดบ่นขึ้นทันที ด้วยเพราะไม่ค่อยชอบที่จะทำงานอยู่แล้วนั่นเอง...ก็เลยโดนแม่หมูดุเอาให้ว่า

 " อย่ามามัวบ่นอยู่อย่างนั้นสิ...รีบ ๆ ออกไปจัดการสร้างบ้านเป็นของตัวเองเดียวนี้เลย.." พี่หมูตัวโตจึงจำใจที่จะต้องออกไปสร้างบ้านแต่ก็ด้วยอย่างไม่ค่อยที่จะเต็มใจสักเท่าใดนัก... " อู๊ด อู๊ด..มันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อรำคาญเป็นอย่างมาก...แต่ว่าถ้าเป็นบ้านที่ทำด้วยฟางล่ะ.. ใช่สิ เราก็สามารถที่สร้างมันขึ้นมาได้อย่างง่าย ๆ และรวดเร็วอีกเสียด้วย.."

 
แล้วบ้านที่ทำขึ้นมาจากฟางก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และเสร็จลงในไม่ช้า พี่หมูตัวโตได้มาคุยโวอวดพวกน้อง ๆ หมูว่า " เห็นไหม ฉันสร้างบ้านได้ เสร็จรวดเร็วก่อนใคร ๆ พวกแกจงดูเอาฉันเป็นตัวอย่าง แล้วสร้างบ้านของพวกแก ให้เสร็จขึ้นเร็ว ๆ.. " พี่หมูตัวที่สองได้พูดชมพี่หมูใหญ่ว่า 

"พี่เก่งจังสร้างบ้านได้เสร็จรวดเร็ว และวิเศษมากเนี้ยบจริง ๆ " 
 

Sample text

Sample Text

Sample Text

 
Blogger Templates